ค่าของชำของครอบครัวกำลังสูงขึ้นด้วยราคาสินค้าส่วนใหญ่ที่สูงขึ้น แนวโน้มราคาขายของชำ โดยเน้นที่ราคาไข่ ไก่ เบคอน และเนื้อวัวที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่หากผู้ซื้อไม่ได้จดบันทึก ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะดูว่าสินค้าใดมียอดพุ่งสูงสุดมีการกำลังติดตามราคา ณ จุดขายโดยเฉลี่ยและราคาเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564
สำหรับสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตยอดนิยม 6 รายการไม่ว่าจะเป็น น้ำส้ม ไข่ อกไก่ เนื้อบดสด เบคอน และขนมปัง เพื่อดูว่าราคาที่พวกเขาจ่ายสำหรับร้านขายของชำแตกต่างจากค่าเฉลี่ยของประเทศหรือจากราคาที่ผู้ซื้อจ่ายในพื้นที่เมืองใหญ่อื่นๆอย่างไร
เป้าหมายคือการติดตามผลกระทบของเงินเฟ้อในกระเป๋าสตางค์ของผู้บริโภคในช่วงการระบาดใหญ่และเมื่อเศรษฐกิจกลับมาเปิดทำการอีกครั้งทำเนียบขาวได้กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นและอยู่ที่นี่
ตัวติดตามราคาร้านขายของชำของ NBC News เป็นตัวชี้วัดผลลัพธ์ของนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Joe Biden สำหรับคนทุกวัน Federal Reserve ได้กล่าวว่าราคาได้เร่งตัวขึ้นและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุที่ทำราคาของเพิ่มมากขึ้น
นั้นก็มาจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าอาหารและเชื้อเพลิง ซึ่งกดดันราคาขายของชำ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและสภาพอากาศก็มีบทบาทเช่นกัน
ข้อมูลในตัวติดตามข่าวของ NBC ซึ่งจัดทำโดย NielsenIQ รวบรวมจากราคาชำระเงินจริงที่จ่ายทั่วประเทศที่ร้านขายของชำ ร้านขายยา ผู้ค้าสินค้าจำนวนมาก ร้านค้าดอลลาร์ที่เลือก คลับคลังสินค้าที่เลือกและผู้แทนทางทหาร ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือนของสำนักสถิติแรงงานซึ่งใช้ตัวรวบรวมข้อมูลของมนุษย์และรวมถึงหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ เป็นแหล่งข้อมูลอื่นสำหรับข้อมูลราคาเฉลี่ย
แต่อย่างไรก็ตามในการบริโภคอาหารและของชำนั้นยังเป็นสิ่งที่คนเรานั้นจำเป็นต้องบริโภค ทำให้ถึงแม้ว่าราคาของจะขึ้นเท่าไหร่ก็ตาม ก็ดูเหมือนว่าทุกคนนั้นก็พร้อมที่จะยอมจ่ายนั่นเอง และคาดการณ์ว่าถ้าหากในอนาคตยังคงมีการเพิ่มราคาอยู่เรื่อยๆนั้น ก็อาจจะต้องมีการผลิตสิ่งที่สามารถทดแทนต่างๆได้ เพื่อการบริโภคที่ประหยัดมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วถ้าหากยังเกิดเหตุการร์เช่นปัจจุบันซ้ำๆอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาน้ำมัน สงครามหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ก็ทำให้คาดว่าของชำก็ยังต้องมีการขยับราคาขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้นแล้วในสิ่งที่เราสามารถทำได้และเป็นสิ่งที่เกิดความประหยัดอย่างสูงสุดนั้นก็คือ การมีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆและเป็นระบอกเสียงในการทำสิ่งต่างๆด้วย
ถึงแม้จะช่วยไม่ได้มากก็ตามแต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถจะตรึงราคาสิ่งต่างๆไว้ได้ สุดท้ายแล้วเมื่อราคาของเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ควรเพิ่มตามนั้นก็คือค่าเงินในการทำงาน และควรมีการลดในเรื่องของอัตราภาษีลงด้วย เพื่อให้ทุกอย่างนั้นเกิดความสมดุลอย่างมากที่สุดในวงการธุรกิจการขายของชำนั่นเอง
สนับสนุนโดย. ufabet auto