เมื่อวานนี้มีการประชุมของคณะรัฐมนตรี ซึ่งการประชุมหลักๆในประเด็นที่น่าสนใจก็คือเรื่องของเงินอุดหนุนสำหรับการที่จะให้ประชาชนไปซื้อรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าเป็นรถยนต์แห่งอนาคตนั่นเองก่อนหน้านี้ทางภาคเอกชนก็มีการเสนอแนวคิดไปบอกว่าอยากจะให้รัฐบาลนั้นส่งเสริม เพื่อที่จะให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

เปิดมาตรการหนุน รถยนต์ไฟฟ้า เพราะว่าหากไปดูในประเทศอื่นๆเขามีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันค่อนข้างที่จะเยอะแทนรถสันดาปนั่นเองสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าก็จะมีปริมาณเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องเมื่อวานนี้มีการเห็นชอบ

สำหรับการที่จะมีมาตรการเข้ามาสนับสนุนก็จะใช้วงเงินและจะต้องไปหาเงินมาอยู่ที่ประมาณ 4หมื่นล้านบาทเพื่อที่จะสนับสนุนมาตรการในการที่จะเข้าไปอุดหนุนเงินคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 70,000 บาทจนถึง 150,000 บาทต่อคัน 

ซึ่งก็มีหลากหลายรูปแบบด้วยกันและในส่วนของการลดภาษีก็มีเช่นกันลดภาษีสูงสุดร้อยละ 40 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คณะรัฐมนตรีรับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าหรือว่า EV ตามผลคณะการประชุมกรรมการ นโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติเห็นชอบในหลักการให้หาเงินงบประมาณจำนวนวงเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาทจากแหล่งเงินที่เหมาะสมมาสนับสนุนก่อนเสนอ ครม. อีกครั้งหนึ่ง โดยในช่วงของ 2 ปีแรกก็คือปี 2565 ถึง 2566 

โดยจะให้ความสำคัญเรื่องของการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศครอบคลุมการนำเข้ารถยนต์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคันและกรณีรถยนต์รถยนต์กระบะ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศผ่านการยกเว้นหรือว่าลดอากรนำเข้าลดอัตราภาษีสรรพสามิตหรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด

สำหรับมาตรการส่งเสริมรถ EV ในส่วนของมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีสำหรับรถยนต์ที่นั่งที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 10 ถึง 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงก็จะอุดหนุนเงินไปประมาณ 70,000 บาทต่อคันนั้นเองและรถยนต์ที่นั่งที่ขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่30กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไปอันนี้ใหญ่หน่อยอุดหนุนเงินไม่ต่ำกว่า 150,000บาท ต่อคันนั้นเอง

โดยครอบคลุมกรณีรถยนต์ที่ผลิตในประเทศและนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปได้ทั้งคู่ทั้งในและนำเข้า กรณีรถยนต์กระบะ EV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาทให้เงินอุดหนุนอยู่ที่ 150,000 บาทต่อคัน เฉพาะรถยนต์กระบะที่ผลิตในประเทศและมีขนาดแบตเตอรี่ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ส่วนกรณีของรถยนต์รถจักรยานยนต์ประเภท EV ที่มีราคาแนะนำไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคันทั้งผลิตในประเทศและนำเข้าด้วย

ส่วนของปี 2567ถึง 2568 มาตรการสนับสนุนก็จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลักโดยยกเลิกการยกเว้นลดอากรนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคันหรือว่า cbu แต่ยังคงมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตและหรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนดต่อไป

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    ufabet เว็บหลัก

By admin