เงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งไม่หยุดทุบสถิติ สำหรับตัวชี้วัดที่สำคัญที่อาจจะบ่งชี้แนวนโยบายเรื่องของการตัดสินใจของทางแฟลชที่จะเกิดขึ้นในเชิงอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั่นก็คือ เรื่องของเงินเฟ้อที่สุดแล้วรอกันมา 1 สัปดาห์ประกาศออกมาแล้วในค่ำคืนที่ผ่านมา 

เงินเฟ้อของสหรัฐประกาศออกมาปรากฏว่า เดือนมกราคมสูงที่สุดในรอบกว่า 40 ปีตัวเลขนั้นสูงกว่า 7.5 เปอร์เซ็นต์ ตัวนี้เองอาจจะเป็นปัจจัยบ่งชี้เดือนมีนาคมเดือนหน้าการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟซนั้นจะแรงขนาดไหนมาเจาะลึกถึงรายละเอียดการแถลงเมื่อวานนี้ 

ปัจจัยนี้เป็นเรื่องของเงินเฟ้อสหรัฐซึ่งเราได้ตามกันมาทั้งสัปดาห์ปรากฏว่ายังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุดล่าสุดนี้เองทางกระทรวงแรงงานสหรัฐเขาได้เปิดเผยตัวเลข C p i ในสหรัฐดัชนีราคาผู้บริโภค 

ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อการใช้จ่ายผู้บริโภคในเดือนมกราคมพบว่าตัวเลขที่พุ่งขึ้น 7.5 เปอร์เซ็นต์เป็นตัวเลขเมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งก็ถือว่าเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์2525 หรือว่าสูงสุดในรอบ 40 ปีเลยทีเดียวนอกจากนี้ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ได้มีการคาดการณ์เอาไว้อยู่ที่ 7.2 เปอร์เซ็นต์ และก็ยังคงเร่งตัวอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้านี้ที่พุ่งขึ้น 7%

ทั้งนี้ถ้าหากเราตัดเชิงปัจจัยในฤดูกาลเทียบกันเดือนต่อเดือน CPi ในเดือนนี้ก็ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเลขที่สูงเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ว่าจะขยับลงมาอยู่ที่ 0.4 เปอร์เซ็นต์ และก็เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 

ซึ่งยังอยู่ที่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ และถ้าเราไปดูซีพีไอพื้นฐานไม่นับรวมหมวดอาหารและก็พลังงานที่มีความผันผวนก็ยังคงพบว่าพุ่งขึ้นอีก 6%เมื่อเทียบกันปีต่อปีสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2525 และก็สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันเอาไว้ 5.9 เปอร์เซ็นต์ 

นอกจากนี้ CPI พื้นฐาน ยังคงดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับรายเดือนสูงกว่าที่นักวิเคราะห์มีการคาดการณ์กันเอาไว้ 0.4% เช่นเดียวกันเธอเป็นภาพการคาดการณ์ที่ตัวเลขสูงกว่าที่คาดการณ์กันไว้ทั้งสิ้น

ซึ่งทันทีที่มีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อออกมาบรรดานักลงทุนตอนนี้เริ่มมั่นใจแล้วว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟซในเดือนหน้าน่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและตัวเลข

ในการปรับขึ้นครั้งนี้น่าจะอยู่ที่ 0.5 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวสัญญาณล่าสุดอย่างแฟลต Voice 2 ได้บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 50% เลยทีเดียวที่เฟซจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5 เปอร์เซ็นต์

โดยตัวเลขดังกล่าวจะปรับขึ้นจากตัวเลขเดิมที่เคยให้น้ำหนักอยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นอีกตัวเลขหนึ่งที่ชี้วัดถึงภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการแข่งมากยิ่งขึ้นและก็อาจจะกดดันเรื่องของนโยบายการเงินนั่นก็คือตัวเลขของการจ้างงานนั้นเองที่ได้มีการจ้างงานลดน้อยลงอีกด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  สล็อต ufabet เว็บตรง

By admin